จริงๆเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนปิดเทอมที่ผ่านมาค่ะ แต่เราเพิ่งจะมารู้เรื่องเมื่อวานนี้เองว่าน้องที่รู้จัก(เพิ่งขึ้นป.3) เค้าโดนคุณแม่ที่รักและเคารพจับยัดเรียนพิเศษวาดรูปโดนที่น้องเองก็ไม่ได้ชอบการวาดรูป
เริ่มเมื่อปิดเทอมที่ผ่านมา คุณน้าที่เรารู้จัก(แม่ของน้อง)เค้าพาลูกชายมาหาเรา แล้วมาขอคำปรึกษาเรื่องเรียนพิเศษช่วงปิดเทอม ทีนี้เราก็แนะนำไปว่าแถวนี้เองก็มีที่เรียนพิเศษซึ่งตอนมัธยมเราก็เรียนมาเหมือนกัน สอนดีมาก แต่จะสอนวิชาหลักๆคือ คณิต วิทย์ Eng สังคม ไทย ซึ่งสอนทุกระดับตั้งแต่ป.1-ม.6 แต่ดูท่าแม่ของน้องเค้าจะไม่ชอบ เพราะพูดแต่ว่า ''มันจะดีจะได้มาตรฐานเหมือนในตัวเมืองมั๊ยล่ะ? มีใบรับรองป่าว? สอนมั่วป่าว? ดูแลเด็กดีป่าว? บลาๆๆๆ'' ซึ่งเราก็อธิบายคร่าวๆเรื่องการเรียนการสอน แต่ดูท่าคุณแม่ที่รักและเคารพจะไม่ค่อยชอบ จะยัดลูกเข้าเรียนในตัวเมืองท่าเดียว ทั้งๆที่ในตัวเมืองไกลจากบ้านตั้ง60กิโลเมตร จะไปรับไปส่งลูกก็ไม่ไหวนะ แกคงเข้าใจไปว่า อะไรที่มันอยู่ในเมืองมีความเจริญมันจะดีไปซะหมด ไอ้เราก็ขี้เกียจจะอธิบายเพราะแกก็จำจดอยู่แต่ ในเมืองๆ อยู่นั่นแหละ เราเลยแนะนำอีกสองที่ให้ และสอนคณิตกับวิทย์ทั้งสองที่เลย แต่ดูท่าแกไม่พอใจ บอกว่าอยากให้ลูกเรียนศิลปะกับดนตรีด้วย อยากให้ลูกเล่นเปียโนเป็น (เราก็คิดในใจ อยู่บ้านนอกจะเล่นเปียโน? เพื่ออะไรวะ? เรียนเก่งๆเข้าว่าไม่ดีกว่าหรอ) เราก็เข้าใจนะว่าอยากให้ลูกมีความสามารถเยอะๆ แต่ดูคุณลูกสิ นั่งเงียบเชียว เป็นเด็กที่เรียบร้อยมากค่ะ เราอาสาว่าจะหาที่เรียนให้ โดยติดต่อกับคนที่รู้จัก คุณแม่ที่รักและเคารพเลยรบกวนเราอีกเรื่องคือ ให้สอนน้องวาดรูปไปพลางๆก่อน ช่วงที่หาที่เรียน เราก็ตอบตกลงเพราะน้องดูไม่ดื้อเลย
วันแรก
เราให้น้องนั่งวาดรูปอยู่กับเรา โดยใช้ดินสอธรรมดากับสีไม้ ผลสรุปคือ ถ้าเทียบกับเด็กอายุเท่ากับ ถือว่าเป็นภาพที่ 'ไม่ตั้งใจวาด' เราก็คิดไปว่า หรือน้องไม่มีอารมณ์จะวาดวะ เลยปล่อยไป พากันเล่นเกมในคอมจนคุณแม่มารับ
วันที่สอง
คุณแม่ที่รักและเคารพย้ำกับเราว่า อย่าให้น้องเล่นคอมและอย่าพาน้องตากแดด น้องไม่สบายง่าย ตอนคลอดน้องคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักน้อยบลาๆๆๆ เราชักเอะใจว่า อะไรกันคุณแม่คะ มันเกือบสิบปีแล้วนะ จะมาพูดทำไม หลานเราก็คลอดก่อนกำหนดเหมือนกัน แถมฝาแฝดที่จะเกิดมาพร้อมกันก็เสียตั้งแต่อยู่ในท้อง คลอดไม่ปกติ ตอนนี้มันอยู่ป.6วิ่งไล่เตะก้นเพื่อนได้สบาย แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ ก็ ค่ะๆ ไปตามเรื่อง มาที่ตัวน้องกันดีกว่า วันนี้ก็เหมือนเดิม ให้วาดรูป โดยมีแบบ เราเองก็วาดด้วยจะได้ดูเหมือนวาดรูปเป็นเพื่อนกัน แต่น้องยุกยิกตลอด แต่ไม่ได้ยุกยิกแบบดื้อนะคะ น้องเรียบร้อยมากจนผิดปกติ เพราะเด็กส่วนมากจะต้องอยากรู้นั่นนี่ เดินไปเดินมาดื้อบ้างเป็นบางครั้ง แต่น้องนี่เงียบค่ะ ไม่ค่อยพูดเลย เวลาวาดก็จะมองอย่าอื่น มองถนน มองหมาที่บ้าน มองแมว แบบว่าคล้ายๆว่าไม่อยากวาดรูปต่อ เราเลยถามน้องว่า 'ชอบวาดรูปหรอ เห็นแม่บอกว่าTชอบวาดรูปนะ' น้องก็พยักหน้าแล้ววาดต่อ เรารู้สึกได้เลยว่าน้องไม่ได้ชอบหรอก แค่ทำไปตามหน้าที่ตามที่แม่บอกไว้ เรารู้สึกสงสารน้องเพราะเราเองก็ไม่ใช่คนพูดเก่งจนทำให้น้องหายเบื่อ เลยพยายามถามโน่นถามนี่ไปเรื่อย จนในที่สุดเราก็พาน้องไปช่วยอาบน้ำให้หมา ดูท่าคงวาดไปไม่รอด แล้วคุณแม่ก็มารับ บอกว่าอยากขอดูผลงานน้อง ซึ่งยังทำไม่เสร็จ คุณแม่ทำหน้าดุดุ แล้วถามว่า 'ทำไมไม่วาดให้มันเสร็จล่ะ' แล้วก็พูดอะไรกับลูกไปเรื่อย แต่คำๆนึงที่ติดหูเราคือคุณแม่พูดว่า 'ถ้าTไม่ทำก็จะไม่เก่งขึ้นนะครับ จะไม่มีใครรัก' นั่นมันไม่ใช่แล้ว การพูดแบบนั้น เหมือนไปบังคับกันเลยอ่ะ เราก็คิดว่าจะต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว เพราะน้องเป็นเด็กที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าพูดความคิดของตัวเองออกมา
เย็นวันนั้นเราก็นั่งคุยกับแม่เราเองตอนกินข้าว เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่า แม่ของน้องTเป็นพวกชอบทำอะไรเวอร์ๆหรอก อย่าไปสนใจเลย แล้วเค้าเอามาฝากไว้เราก็ดูแล ดูท่าเป็นเด็กขี้โรค เพราะแม่น้องTไม่ได้ให้กินนมแม่แต่เด็ก ชอบบอกว่าลูกไม่ค่อยสบายเพราะคลอดก่อนกำหนด แต่จริงๆเพราะไม่ได้ให้กินนมแม่นั่นแหละ พอเข้าอนุบาลก็ไปด่าครูว่าลูกเป็นไข้บ่อยเพราะครูชอบพาตากแดด
(เป็นไงคะแม่เรา ไม่ได้ให้คำปรึกษาอะไรเลย)
วันที่สาม
เราตั้งใจว่าจะวาดรูปให้เสร็จแล้วบอกวิธีน้องด้วยว่าต้องทำยังไงถึงจะออกมาดี (เราก็สอนเด็กไม่เป็นหรอก) แต่คำถามแรกที่เราถามน้องก่อนวาดรูปคือ 'ชอบวาดรูปรึป่าวคับ!' น้องก็ตอบเสียงอ่อยๆว่า 'ชอบคับ' เราเลยมานั่งจับเข้าคุยกับน้องก่อน เราถามไปว่านอกจากชอบวาดรูปแล้วชอบอะไรอีกบ้าง น้องบอกชอบเล่นเปียโน แต่พอเราถามกลับว่า เล่นเพลงอะไรเป็นบ้าง น้องกลับบอกว่าเล่นไม่เป็นเลย จริงๆแล้วน้องไม่เคยได้สัมผัสเปียโนจริงๆด้วยซ้ำ คิดว่าน่าจะถูกแม่พูดว่า
จะต้องเล่นให้เป็น จะต้องเล่นให้เป็น จะต้องเล่นให้เป็น จะต้องเล่นให้เป็น จะต้องเล่นให้เป็น จะต้องเล่นให้เป็น จะต้องเล่นให้เป็น
กรอกหูแน่ๆ เลยคิดไปว่า ไอ้ที่แม่ยัดเข้ามาให้คือสิ่งที่ตัวเอง 'จะต้องชอบ'
เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะไม่เคยเจออะไรทำนองนี้ เลยถามต่อว่า นอกจากที่แม่จะให้เรียนแล้ว ชอบทำอะไรอีกบ้างกับเพื่อนๆ น้องตอบเลยว่า 'ชอบเตะบอล' 'ชอบเล่นเกม' (ชื่อเกมอะไรซักอย่างจำชื่อไม่ได้ ที่มีคล้ายๆหน่วยสวาทไล่ยิงโจรอะไรทำนองนี้) แต่น้องบอกว่าแม่ไม่ให้เล่น นั่นไงเราว่าแล้ว แม่ที่รักและเคารพของน้องคงจะอยากให้ลูกตัวเองเก่งแต่ไม่ยอมถามเค้าเลยว่าต้องการอะไรจริงๆ จากนั้นเราก็วาดรูปกัน ส่วนน้องก็เหมือนเดิมคือวาดไม่เสร็จเราเลยพาน้องดูหนัง แต่พอถึงเวลาที่แม่ใกล้จะมารับน้องTรีบเอารูปที่วาดไม่เสร็จมาระบายมั่วๆให้มันเต็มหน้ากระดาษวาดเขียน เราเลยตัดสินใจว่าจะต้องบอกเรื่องนี้ให้แม่น้องTรู้
พอแม่น้องเค้ามารับเราเลยพูดเกี่ยวกับที่เรียนพิเศษและรายละเอียดให้ฟัง และไม่ลืมที่จะพูดเรื่องสำคัญ เราบอกแม่เค้าไปว่า จริงๆน้องเค้าอาจจะไม่ได้ชอบงานศิลปะก็ได้ ที่เห็นวาดๆอยู่ก็แค่การบ้านที่จะส่งครูเฉยๆ มันจำเป็นต้องทำก็เพราะต้องส่งครู น้องเป็นคนมีความรับผิดชอบและเรียบร้อย ตอนนี้เค้าอาจจะไม่รู้หรอกว่าตัวเองชอบอะไร แต่ให้เรียนเยอะๆอัดเข้าไปเยอะๆจะกลายเป็นerrorเอาได้นะ เราพยายามอธิบายแบบประณีประนอม ด้วยความสงสารน้องด้วยแหละที่ต้องโดนแม่บังคับทำโน่นทำนี่ตลอด ส่วนเรื่องเรียนพิเศษวิชาอื่นๆก็ให้เค้าเลือกเอาดีกว่า ไม่ใช่ว่าต้องเรียนทุกวัน มันเหนื่อย แม่ก็ตอบกลับมาว่า อืม ขอบใจนะที่ช่วยดูแลลูกให้ (ไม่รู้จะเข้าใจที่เราพูดรึป่าวไม่รู้) เราก็พูดยาวพอสมควรก่อนที่น้องจะกลับไป
จากนั้นมาก็ได้ข่าวว่าแม่ที่รักและเคารพไปส่งน้องที่ตัวเมืองทุกวันเพื่อเรียนพิเศษ เราก็นึกว่าส่งไปเรียนแค่ไม่กี่วิชา พอเปิดเทอมมาเราได้มีโอกาสถามน้องTเรื่องเรียนพิเศษถึงได้รู้ว่า แม่ที่รักและเคารพไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเราเลย ส่งน้องไปเรียนวาดรูปในภาคเช้าวันเสาร์และเรียนกีตาร์ในช่วงเย็นวันเสาร์(ไม่ได้เรียนเปียโนแล้ว) ส่วนจันท์-ศุกร์ ก็เรียนวิชาธรรมดา พักแค่วันอาทิตย์ และต้องเรียนกีตาร์วันเสาร์ต่ออีกแม้จะเปิดเทอมแล้วเพราะยังไม่หมดครอส เราถามน้องเค้าไปว่าชอบมั๊ย น้องก็ตอบว่าชอบ(แต่ดูสีหน้าแล้วไม่น่าจะใช่) เราถามว่าที่เรียนพิเศษมีอะไรบ้าง น้องก็พูดถึงแต่เรื่องเพื่อนๆ เรื่องครูที่สอน เรื่องซื้อของ เรื่องกินkfc แล้วก็เรียนเรียนคณิตคิดเร็ว ขอนอกเรื่องนิดนึงนะคะ สมัยนี้เด็กนักเรียนที่เรียนพิเศษคณิต โรงเรียนสอนเค้าแถมเครื่องจับเวลาด้วยนะ!!! เอามาจับเวลาตอนคิดเลข ไฮโซวววมว๊าก! มีอะไรที่ที่น่าตื่นเต้นเยอะแยะเลย เราได้ความรู้ใหม่จากน้องเลยนะเนี่ย! น้องคิดเลยยกกำลังได้ด้วย โอ้ววแม่เจ้า เด็กป.3 สมัยเราอ่ะนะ ที่กวดวิชามีโปรเจคเตอร์กับเลเซอร์เอาไว้ชี้ก็ว่าไฮโซแล้วนะ
กลับเข้าเรื่องนะ เราคุยกับน้องเค้านานเลย แต่สิ่งที่เราไม่ได้ยินเลยก็คือ เรื่องวาดรูปกับเรื่องกีตาร์ น้องไม่ได้พูดถึงเลย พูดแค่ว่าได้ซื้อกีตาร์ใหม่แล้วจบแค่นั้น น้องไม่ได้มีความสุขกับมันเลย จะมีความสุขมากกว่าตอนที่คุยเรื่องที่เรียน เพื่อน ครู เราไม่ได้บอกว่าที่กวดวิชาศิลปะกับดนตรีไม่ดีนะ เพราะน้องก็พูดว่าดี ครูสอนสนุก แต่ถ้าใจเราไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลยรึป่าวนะ ไม่มีความสุขที่จะทำมัน เราก็ได้แต่หวังว่าซักวันพอน้องเค้าเรียนไปเรื่อยๆก็อาจจะชอบขึ้นมาบ้าง เพราะเพื่อนเราคนนึงไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ แต่พอเรียนไปเรียนมากก็กลายเป็นคนที่เก่งคณิตและชอบไปเลย เราไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะต่างกันรึป่าว เป็นเรา เราก็ไม่ชอบเหมือนเดิมนะ แบบว่าสมมตินะ เราไม่ชอบเรียนรำไทย แต่ให้เราไปเรียน ใจเราจะรู้สึกชอบขึ้นมาหรอ? เพราะเราก็ไม่ได้มีพรสวรรค์หรือต้องการไขว่คว้าให้เก่งขึ้น
เรารู้สึกสงสารน้องนะ แต่ถ้าจะแก้ก็ต้องแก้ที่ความคิดของแม่น้องTเอง ซึ่งมันช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะแม่ที่รักและเคารพของน้องไม่ฟังใครเลยนอกจากตัวเอง
อันนี้ก็หนักใจแทนเหมือนกัน
แท็ก : ชานเรีอน เพราะอยากให้คุณแม่ที่มีลูกได้อ่าน
แท็ก : สยามเพราะอยากให้คนที่เคยติววิชาที่ตัวเองไม่ชอบมาตอบ
แท็ก : สุขภาพใจ เพราะกลัวคุณน้องTจะเป็นประสาทเพราะคุณแม่
แท็ก : ศิลปะ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับศิลปะในเด็ก
เด็กที่ไม่ค่อยชอบศิลปะ ไม่ชอบวาดรูป ถ้าพ่อแม่ยัดให้เข้าคอสวาดรูป เด็กจะรู้สึกชอบขึ้นมารึเปล่าคะ?
เริ่มเมื่อปิดเทอมที่ผ่านมา คุณน้าที่เรารู้จัก(แม่ของน้อง)เค้าพาลูกชายมาหาเรา แล้วมาขอคำปรึกษาเรื่องเรียนพิเศษช่วงปิดเทอม ทีนี้เราก็แนะนำไปว่าแถวนี้เองก็มีที่เรียนพิเศษซึ่งตอนมัธยมเราก็เรียนมาเหมือนกัน สอนดีมาก แต่จะสอนวิชาหลักๆคือ คณิต วิทย์ Eng สังคม ไทย ซึ่งสอนทุกระดับตั้งแต่ป.1-ม.6 แต่ดูท่าแม่ของน้องเค้าจะไม่ชอบ เพราะพูดแต่ว่า ''มันจะดีจะได้มาตรฐานเหมือนในตัวเมืองมั๊ยล่ะ? มีใบรับรองป่าว? สอนมั่วป่าว? ดูแลเด็กดีป่าว? บลาๆๆๆ'' ซึ่งเราก็อธิบายคร่าวๆเรื่องการเรียนการสอน แต่ดูท่าคุณแม่ที่รักและเคารพจะไม่ค่อยชอบ จะยัดลูกเข้าเรียนในตัวเมืองท่าเดียว ทั้งๆที่ในตัวเมืองไกลจากบ้านตั้ง60กิโลเมตร จะไปรับไปส่งลูกก็ไม่ไหวนะ แกคงเข้าใจไปว่า อะไรที่มันอยู่ในเมืองมีความเจริญมันจะดีไปซะหมด ไอ้เราก็ขี้เกียจจะอธิบายเพราะแกก็จำจดอยู่แต่ ในเมืองๆ อยู่นั่นแหละ เราเลยแนะนำอีกสองที่ให้ และสอนคณิตกับวิทย์ทั้งสองที่เลย แต่ดูท่าแกไม่พอใจ บอกว่าอยากให้ลูกเรียนศิลปะกับดนตรีด้วย อยากให้ลูกเล่นเปียโนเป็น (เราก็คิดในใจ อยู่บ้านนอกจะเล่นเปียโน? เพื่ออะไรวะ? เรียนเก่งๆเข้าว่าไม่ดีกว่าหรอ) เราก็เข้าใจนะว่าอยากให้ลูกมีความสามารถเยอะๆ แต่ดูคุณลูกสิ นั่งเงียบเชียว เป็นเด็กที่เรียบร้อยมากค่ะ เราอาสาว่าจะหาที่เรียนให้ โดยติดต่อกับคนที่รู้จัก คุณแม่ที่รักและเคารพเลยรบกวนเราอีกเรื่องคือ ให้สอนน้องวาดรูปไปพลางๆก่อน ช่วงที่หาที่เรียน เราก็ตอบตกลงเพราะน้องดูไม่ดื้อเลย
วันแรก
เราให้น้องนั่งวาดรูปอยู่กับเรา โดยใช้ดินสอธรรมดากับสีไม้ ผลสรุปคือ ถ้าเทียบกับเด็กอายุเท่ากับ ถือว่าเป็นภาพที่ 'ไม่ตั้งใจวาด' เราก็คิดไปว่า หรือน้องไม่มีอารมณ์จะวาดวะ เลยปล่อยไป พากันเล่นเกมในคอมจนคุณแม่มารับ
วันที่สอง
คุณแม่ที่รักและเคารพย้ำกับเราว่า อย่าให้น้องเล่นคอมและอย่าพาน้องตากแดด น้องไม่สบายง่าย ตอนคลอดน้องคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักน้อยบลาๆๆๆ เราชักเอะใจว่า อะไรกันคุณแม่คะ มันเกือบสิบปีแล้วนะ จะมาพูดทำไม หลานเราก็คลอดก่อนกำหนดเหมือนกัน แถมฝาแฝดที่จะเกิดมาพร้อมกันก็เสียตั้งแต่อยู่ในท้อง คลอดไม่ปกติ ตอนนี้มันอยู่ป.6วิ่งไล่เตะก้นเพื่อนได้สบาย แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ ก็ ค่ะๆ ไปตามเรื่อง มาที่ตัวน้องกันดีกว่า วันนี้ก็เหมือนเดิม ให้วาดรูป โดยมีแบบ เราเองก็วาดด้วยจะได้ดูเหมือนวาดรูปเป็นเพื่อนกัน แต่น้องยุกยิกตลอด แต่ไม่ได้ยุกยิกแบบดื้อนะคะ น้องเรียบร้อยมากจนผิดปกติ เพราะเด็กส่วนมากจะต้องอยากรู้นั่นนี่ เดินไปเดินมาดื้อบ้างเป็นบางครั้ง แต่น้องนี่เงียบค่ะ ไม่ค่อยพูดเลย เวลาวาดก็จะมองอย่าอื่น มองถนน มองหมาที่บ้าน มองแมว แบบว่าคล้ายๆว่าไม่อยากวาดรูปต่อ เราเลยถามน้องว่า 'ชอบวาดรูปหรอ เห็นแม่บอกว่าTชอบวาดรูปนะ' น้องก็พยักหน้าแล้ววาดต่อ เรารู้สึกได้เลยว่าน้องไม่ได้ชอบหรอก แค่ทำไปตามหน้าที่ตามที่แม่บอกไว้ เรารู้สึกสงสารน้องเพราะเราเองก็ไม่ใช่คนพูดเก่งจนทำให้น้องหายเบื่อ เลยพยายามถามโน่นถามนี่ไปเรื่อย จนในที่สุดเราก็พาน้องไปช่วยอาบน้ำให้หมา ดูท่าคงวาดไปไม่รอด แล้วคุณแม่ก็มารับ บอกว่าอยากขอดูผลงานน้อง ซึ่งยังทำไม่เสร็จ คุณแม่ทำหน้าดุดุ แล้วถามว่า 'ทำไมไม่วาดให้มันเสร็จล่ะ' แล้วก็พูดอะไรกับลูกไปเรื่อย แต่คำๆนึงที่ติดหูเราคือคุณแม่พูดว่า 'ถ้าTไม่ทำก็จะไม่เก่งขึ้นนะครับ จะไม่มีใครรัก' นั่นมันไม่ใช่แล้ว การพูดแบบนั้น เหมือนไปบังคับกันเลยอ่ะ เราก็คิดว่าจะต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว เพราะน้องเป็นเด็กที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าพูดความคิดของตัวเองออกมา
เย็นวันนั้นเราก็นั่งคุยกับแม่เราเองตอนกินข้าว เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่า แม่ของน้องTเป็นพวกชอบทำอะไรเวอร์ๆหรอก อย่าไปสนใจเลย แล้วเค้าเอามาฝากไว้เราก็ดูแล ดูท่าเป็นเด็กขี้โรค เพราะแม่น้องTไม่ได้ให้กินนมแม่แต่เด็ก ชอบบอกว่าลูกไม่ค่อยสบายเพราะคลอดก่อนกำหนด แต่จริงๆเพราะไม่ได้ให้กินนมแม่นั่นแหละ พอเข้าอนุบาลก็ไปด่าครูว่าลูกเป็นไข้บ่อยเพราะครูชอบพาตากแดด
(เป็นไงคะแม่เรา ไม่ได้ให้คำปรึกษาอะไรเลย)
วันที่สาม
เราตั้งใจว่าจะวาดรูปให้เสร็จแล้วบอกวิธีน้องด้วยว่าต้องทำยังไงถึงจะออกมาดี (เราก็สอนเด็กไม่เป็นหรอก) แต่คำถามแรกที่เราถามน้องก่อนวาดรูปคือ 'ชอบวาดรูปรึป่าวคับ!' น้องก็ตอบเสียงอ่อยๆว่า 'ชอบคับ' เราเลยมานั่งจับเข้าคุยกับน้องก่อน เราถามไปว่านอกจากชอบวาดรูปแล้วชอบอะไรอีกบ้าง น้องบอกชอบเล่นเปียโน แต่พอเราถามกลับว่า เล่นเพลงอะไรเป็นบ้าง น้องกลับบอกว่าเล่นไม่เป็นเลย จริงๆแล้วน้องไม่เคยได้สัมผัสเปียโนจริงๆด้วยซ้ำ คิดว่าน่าจะถูกแม่พูดว่า
จะต้องเล่นให้เป็น จะต้องเล่นให้เป็น จะต้องเล่นให้เป็น จะต้องเล่นให้เป็น จะต้องเล่นให้เป็น จะต้องเล่นให้เป็น จะต้องเล่นให้เป็น
กรอกหูแน่ๆ เลยคิดไปว่า ไอ้ที่แม่ยัดเข้ามาให้คือสิ่งที่ตัวเอง 'จะต้องชอบ'
เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะไม่เคยเจออะไรทำนองนี้ เลยถามต่อว่า นอกจากที่แม่จะให้เรียนแล้ว ชอบทำอะไรอีกบ้างกับเพื่อนๆ น้องตอบเลยว่า 'ชอบเตะบอล' 'ชอบเล่นเกม' (ชื่อเกมอะไรซักอย่างจำชื่อไม่ได้ ที่มีคล้ายๆหน่วยสวาทไล่ยิงโจรอะไรทำนองนี้) แต่น้องบอกว่าแม่ไม่ให้เล่น นั่นไงเราว่าแล้ว แม่ที่รักและเคารพของน้องคงจะอยากให้ลูกตัวเองเก่งแต่ไม่ยอมถามเค้าเลยว่าต้องการอะไรจริงๆ จากนั้นเราก็วาดรูปกัน ส่วนน้องก็เหมือนเดิมคือวาดไม่เสร็จเราเลยพาน้องดูหนัง แต่พอถึงเวลาที่แม่ใกล้จะมารับน้องTรีบเอารูปที่วาดไม่เสร็จมาระบายมั่วๆให้มันเต็มหน้ากระดาษวาดเขียน เราเลยตัดสินใจว่าจะต้องบอกเรื่องนี้ให้แม่น้องTรู้
พอแม่น้องเค้ามารับเราเลยพูดเกี่ยวกับที่เรียนพิเศษและรายละเอียดให้ฟัง และไม่ลืมที่จะพูดเรื่องสำคัญ เราบอกแม่เค้าไปว่า จริงๆน้องเค้าอาจจะไม่ได้ชอบงานศิลปะก็ได้ ที่เห็นวาดๆอยู่ก็แค่การบ้านที่จะส่งครูเฉยๆ มันจำเป็นต้องทำก็เพราะต้องส่งครู น้องเป็นคนมีความรับผิดชอบและเรียบร้อย ตอนนี้เค้าอาจจะไม่รู้หรอกว่าตัวเองชอบอะไร แต่ให้เรียนเยอะๆอัดเข้าไปเยอะๆจะกลายเป็นerrorเอาได้นะ เราพยายามอธิบายแบบประณีประนอม ด้วยความสงสารน้องด้วยแหละที่ต้องโดนแม่บังคับทำโน่นทำนี่ตลอด ส่วนเรื่องเรียนพิเศษวิชาอื่นๆก็ให้เค้าเลือกเอาดีกว่า ไม่ใช่ว่าต้องเรียนทุกวัน มันเหนื่อย แม่ก็ตอบกลับมาว่า อืม ขอบใจนะที่ช่วยดูแลลูกให้ (ไม่รู้จะเข้าใจที่เราพูดรึป่าวไม่รู้) เราก็พูดยาวพอสมควรก่อนที่น้องจะกลับไป
จากนั้นมาก็ได้ข่าวว่าแม่ที่รักและเคารพไปส่งน้องที่ตัวเมืองทุกวันเพื่อเรียนพิเศษ เราก็นึกว่าส่งไปเรียนแค่ไม่กี่วิชา พอเปิดเทอมมาเราได้มีโอกาสถามน้องTเรื่องเรียนพิเศษถึงได้รู้ว่า แม่ที่รักและเคารพไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเราเลย ส่งน้องไปเรียนวาดรูปในภาคเช้าวันเสาร์และเรียนกีตาร์ในช่วงเย็นวันเสาร์(ไม่ได้เรียนเปียโนแล้ว) ส่วนจันท์-ศุกร์ ก็เรียนวิชาธรรมดา พักแค่วันอาทิตย์ และต้องเรียนกีตาร์วันเสาร์ต่ออีกแม้จะเปิดเทอมแล้วเพราะยังไม่หมดครอส เราถามน้องเค้าไปว่าชอบมั๊ย น้องก็ตอบว่าชอบ(แต่ดูสีหน้าแล้วไม่น่าจะใช่) เราถามว่าที่เรียนพิเศษมีอะไรบ้าง น้องก็พูดถึงแต่เรื่องเพื่อนๆ เรื่องครูที่สอน เรื่องซื้อของ เรื่องกินkfc แล้วก็เรียนเรียนคณิตคิดเร็ว ขอนอกเรื่องนิดนึงนะคะ สมัยนี้เด็กนักเรียนที่เรียนพิเศษคณิต โรงเรียนสอนเค้าแถมเครื่องจับเวลาด้วยนะ!!! เอามาจับเวลาตอนคิดเลข ไฮโซวววมว๊าก! มีอะไรที่ที่น่าตื่นเต้นเยอะแยะเลย เราได้ความรู้ใหม่จากน้องเลยนะเนี่ย! น้องคิดเลยยกกำลังได้ด้วย โอ้ววแม่เจ้า เด็กป.3 สมัยเราอ่ะนะ ที่กวดวิชามีโปรเจคเตอร์กับเลเซอร์เอาไว้ชี้ก็ว่าไฮโซแล้วนะ
กลับเข้าเรื่องนะ เราคุยกับน้องเค้านานเลย แต่สิ่งที่เราไม่ได้ยินเลยก็คือ เรื่องวาดรูปกับเรื่องกีตาร์ น้องไม่ได้พูดถึงเลย พูดแค่ว่าได้ซื้อกีตาร์ใหม่แล้วจบแค่นั้น น้องไม่ได้มีความสุขกับมันเลย จะมีความสุขมากกว่าตอนที่คุยเรื่องที่เรียน เพื่อน ครู เราไม่ได้บอกว่าที่กวดวิชาศิลปะกับดนตรีไม่ดีนะ เพราะน้องก็พูดว่าดี ครูสอนสนุก แต่ถ้าใจเราไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลยรึป่าวนะ ไม่มีความสุขที่จะทำมัน เราก็ได้แต่หวังว่าซักวันพอน้องเค้าเรียนไปเรื่อยๆก็อาจจะชอบขึ้นมาบ้าง เพราะเพื่อนเราคนนึงไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ แต่พอเรียนไปเรียนมากก็กลายเป็นคนที่เก่งคณิตและชอบไปเลย เราไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะต่างกันรึป่าว เป็นเรา เราก็ไม่ชอบเหมือนเดิมนะ แบบว่าสมมตินะ เราไม่ชอบเรียนรำไทย แต่ให้เราไปเรียน ใจเราจะรู้สึกชอบขึ้นมาหรอ? เพราะเราก็ไม่ได้มีพรสวรรค์หรือต้องการไขว่คว้าให้เก่งขึ้น
เรารู้สึกสงสารน้องนะ แต่ถ้าจะแก้ก็ต้องแก้ที่ความคิดของแม่น้องTเอง ซึ่งมันช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะแม่ที่รักและเคารพของน้องไม่ฟังใครเลยนอกจากตัวเอง
อันนี้ก็หนักใจแทนเหมือนกัน
แท็ก : ชานเรีอน เพราะอยากให้คุณแม่ที่มีลูกได้อ่าน
แท็ก : สยามเพราะอยากให้คนที่เคยติววิชาที่ตัวเองไม่ชอบมาตอบ
แท็ก : สุขภาพใจ เพราะกลัวคุณน้องTจะเป็นประสาทเพราะคุณแม่
แท็ก : ศิลปะ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับศิลปะในเด็ก